ราชาธิราช
1.
ความเป็นมา
วรรณคดีเรื่อง
ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา เป็นการทำสงครามระหว่างพม่ากับมอญ เดิม
ต้นฉบับเป็นภาษามอญ แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องมีความสนุกน่าสนใจ
ให้ข้อคิดมากมายจึงได้มีนักปราชญ์
ชาวไทยแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย ตั้งแต่ก่อนเสียกรุงเสียอยุธยาครั้งสุดท้าย
ภายหลังสมเด็จ
เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 1
ทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แปลและ
เรียบเรียงให้เรียบร้อยเสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง
2.
ผู้เรียบเรียง
เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
3.
ประวัติและผลงาน
เจ้าพระยาพระคลัง
(หน) เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เคยรับราชการเป็นหลวงสรวิชิต แล้วไปเป็นนายด่านเมืองอุทัยธานี
ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ต่อ
มาในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาพิพัฒน์โกษา
และเป็นเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
ผลงานที่สำคัญของท่านได้แก่ ราชาธิราช สามก๊ก ร่ายยาวมห่เวสสันดรชาดก
(กัณฑ์กุมาร และ
กัณฑ์มัทรี) บทมโหรีเรื่องกากี ลิลิตเพชรมงกุฎ และอิเหนาคำฉันท์
ท่านถึงแก่ อสัญกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2348
4.
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นวรรณคดีร้อยแก้วแนวนิทานอิงประวัติศาสตร์
5.
จุดประสงค์ในการแต่ง
รัชกาลที่ 1 มีพระราชประสงค์ที่จะใช้วรรณคดีเรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์
และพระบรมวงศานุวศ์
ข้าทูลละอองธุลีพระบาท จะได้จดจำไว้เป็นคติบำรุงสติปัญญา
6.
เนื้อเรื่องย่อ
พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งประเทศจีน
ยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง ออกไป
ถวายบังคม
และขอให้ส่งทหารออกมาขี่ม้ารำทวนต่อสู้กันตัวต่อตัวกับกามะนีทหารเอกของเมืองจีน
ถ้าฝ่ายกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ต้องยกเมืองให้ฝ่ายจีน
แต่ถ้าฝ่ายจีนแ้พ้จะยกทัพกลับทันทีพระเจ้ากรุงอังวะ
ประกาศหาผู้ที่จะอาสาออกไปรบกับกามะนี
ถ้าสามารถรบชนะกามะนีทหารเอกของเมืองจีน
จะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราชและแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง
เมื่อสมิงพระรามทราบ
ข่าว ก็คิดตึกตรองว่า หากจีนชนะศึกครั้งนี้
จีนคงยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อไปแน่ ควรคิด
ป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ แม้แรกๆ จะเกรงว่าการอาสารบนี้จะเป็น
"หาบสองบ่า อาสาสองเจ้า"
ก็ตาม โดยขอพระราชทานม้าฝีเม้าดีตัวหนึ่ง และได้เลือกม้าของหญิงม้าย
สมิงพระรามนำม้าออกไป
ฝึกหัด ให้รู้จกทำนองรบรับจนคล่องแคล่วสันทัดดี พร้อมทั้งทูลขอ
ขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างม้า
ในระหว่างการรบ สมิงพระรามเห็นว่า กามะนีมีความชำนาญด้านการรบเพลงทวนมาก
และยังสวม
หุ้มเกราะไว้แน่นหนา
สมิงพระรามจึงใช้อุบายว่าให้แต่ละฝ่ายแสดงท่ารำให้อีกฝ่ายรำตามก่อนที่จะ
ต่อสู้กัน ทั้งนี้เพื่อจะคอยหาช่องทางที่จะแทงทวนให้ถูกตัวกามะนีได้
เมื่อได้หลอกล่อให้กามะนีรำตาม
ในท่าต่าง ๆ จึงได้ช่องใต้รักแร้กับบริเวณเกราะซ้อนท้ายหมวกที่เปิดออกได้
สมิงพระรามจึงหยุดรำให้
ต่อสู่กันโดยทำทีว่าสู้ไม่ได้ ขับม้าหนีของกามะนีเหนื่อย
เมื่อได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้ แล้วฟัน
ย้อนกลีบเกราะตัดศีรษะของกามะนีขาด
แล้วเอาขอเหล็กสับใส่ตะกรวยโดยไม่ให้ตกดิน นำมาถวาย
พระเจ้ามณเฑียรทองเมื่อฝ่ายจีนแพ้
พระเจ้ากรุงจีนก็สั่งให้ยกทัพกลับตามสัญญา พระเจ้ามณเฑียรทอง
พระราชทานตำแหน่งมหาอุปราชและพระราชธิดา
ให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามที่ได้รับสั่งไว้
7.
การพิจารณาคุณค่า
1. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
มีการใช้สำนวนโวหารสูง แม้จะใช้ประโยคยาวแต่ใช้ถ้อยคำภาษาและ
การเข้าประโยคที่สละสลวย
1.1 การใช้สำนวนเปรียบเทียบที่คมคาย เช่น
" พระเจ้ากรุงจีนยกมาครั้งนี้อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน้ำนองท่วมป่าไหลเชี่ยวมาเมื่อ
วสันตฤดูนั้นหาสิ่งใดจะต้านทานมิได้"
หมายถึง กองทัพของพระเจ้ากรุงจีนเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
1.2 ใช้คำคมให้คติเตือนใจ เช่น
"เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์
อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ
สมเด็จอมรินทร์มายกให้เรา เราก็มิได้ปรารถนา"
หมายถึง คนที่รักษาคำพูดถึงแม้จะนำทรัพย์อันมีค่ามาให้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำพูด
ที่เคยให้ไว้ได้"
2.
คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ
2.1
ความเชื่อถือในเรื่องฤกษ์ เช่น
ตอนพระเจ้ากุงต้าฉิงยกทัมายังกรุงรัตนบุระอังวะก็ต้องรอให้ฤกษ์ดีก่อนจะยกทัพมาใด้
2.2 ขนบธรรมเนียมในการส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อตอบแทน
เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งปรัพฤติ
ปฏิบัติตามที่ฝ่ายตนร้องขอ
หรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่ายหนึ่งทำตามที่ตนเองขอ
เช่น การส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง
เพื่อจะให้พระเจ้าอังวะอยู่ในอำนาจออกมาถวายบังคม
และต้องการจะดูทหารรำทวนขี่ม้าสู้กัน
2.3 การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยู่ในฐานะกษัตริย์
เช่น การรักษาคำพูดของพระเจ้ากรุงต้าฉิงเมื่อกามะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ทำอันตรายแก่ผู้ใดเลย
ตามที่ได้พูดไว้
2.4 ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เช่น
สมิงพระรามแม้จะอาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ทำเพื่อบ้านเมืองของตน
และยังคงจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของตน
2.5 การปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ
เป็นการสร้างกำลังใจและ
ผูกใจคนไว้ได้ ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม
เมื่อสมิงพระรามไม่รับบำเหน็จจาก
การอาสารบ"อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้
ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมาก
มิได้รับบำเหน็จรางวัลสิ่งใด
นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดการจราจล หรือข้าศึกมาย่ำยีเหลือกำลัง
ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว"ด้วยเหตุผลของพระเจ้าอังวะข้างต้น
สมิงพระรามจึงต้องรับรางวัลในครั้งนี้
8.
ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
1. คนดีมีความสามารถแม้อยู่ในเมืองศัตรูก็ยังมีคนเชิดชูได้เสมอ
2. ผู้เป็นกษัตริย์ย่อถือความสัตย์เป็นสิ่งประเสริฐที่สุด
3. ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
เช่น กามะนี
4. ผู้ทีทำกิจโดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบและความสามารถเฉพาะตนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้
5. บ้านเมืองที่ประกอบไปด้วยกษัตริย์
ที่อยู่ในความสัตย์ เสนาอำมาตย์มีความสามัคคี เชื่อฟัง
ผู้บังคับบัญชา และทหารที่มีความสามารถในการรบจัดเป็นบ้านเมืองที่แข็งแกร่ง
เป็นที่เกรงขามของ
ประเทศทั่วไป และจะสามารถดำรงเอกราชไว้ตราบนานเท่านาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น