การสร้างคำในภาษาไทย
การสร้างคำในภาษาไทย
มีแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
1. คำมูล
1.1 คำมูลพยางค์เดียว หมายถึง คำที่มีพยางค์เดียวโดดๆ
จะมาจากภาษาใดก็ได้ เช่น หมู หมา กา ไก่
1.2 คำมูลหลายพยางค์ หมายถึง คำที่มากกว่า 1 พยางค์
ซึ่งเกิดจากคำที่ความหมายไม่เกี่ยวเนื่องกัน หรือ เกิดจากพยางค์ที่ไม่มีความหมาย
เช่น กระดาษ ศิลปะ กำมะลอ
2. คำซ้อน
2.1 คำซ้อนเพื่อความหมาย คือ คำซ้อนที่เกิดจากคำมูล 2 คำ
ขึ้นไปที่มีความหมายสัมพันธ์กันในรูปแบบต่อไปนี้
- ความหมายเหมือนกัน เช่น บ้านเรือน ถ้วยชาม ใหญ่โต
ดูแล ป่าดง
- ความหมายคล้ายกัน เช่น ฝนฟ้า ไร่นา ใจคอ แข้งขา
ศีลธรรม
- ความหมายตรงข้ามกัน เช่น สูงต่ำ มากน้อย เร็วช้า
ชั่วดี ผิดถูก
2.2 คำซ้อนเพื่อเสียง คือ คำซ้อนที่เกิดจาก 2 พยางค์
ที่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของเสียงเหมือนกัน เช่น เสียงพยัญชนะต้น เสียงสระ เสียงท้าย
เช่น หมูหมากาไก่
3. คำประสม คือ
คำที่เกิดจากการนำคำ 2 คำ ขึ้นไปที่มีความหมายไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว ได้ความหมายใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับคำตั้งต้น เช่น ตู้เย็น
พัดลม
การนำคำมูลที่มีความหมายกว้างๆ มาประสมกับคำมูลอื่น
ทำให้เกิดความหมายเฉพาะขึ้น เช่น
- ชาว เช่น
ชาวนา ชาวบ้าน ชาวไร่
- นัก
เช่น นักเรียน นักดนตรี นักแสดง
- เครื่อง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคิดเลข เครื่องมือ
- ช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างเครื่อง
4. คำซ้ำ คือ
คำที่ซ้ำกัน สังเกตได้จากไม้ยมก ๆ
ลักษณะของคำซ้ำ
4.1 บอกความหมายเป็นพหูพจน์ เช่น
หนุ่มๆ
4..2 บอกความหมายเป็นเอกพจน์ เช่น
ล้างชามให้สะอาดเป็นใบๆ
4.3 เน้นความหมายของคำเดิม เช่น
อ่านให้ดังๆ
คำสมาส
คำสมาสจะต้องประกอบด้วยกฎเหล็ก
3 ประการ คือ
1. เป็นภาษาบาลี-สันสกฤต เท่านั้น
2. อ่านเชื่อมเสียงกลางคำ
3. แปลความหมายจากข้างหลังมาข้างหน้า
คำสมาสแบบธรรมดา
เอาคำมาชนกันเฉยๆ
หลักการ คือ 1. ล้าง ์ และ ะ
ของคำหน้าทิ้ง
2. ออกเสียง "อะ" ตรงกลางคำ
เช่น ศิลปะ + ศาสตร์ = ศิลปศาสตร์
วีระ + บุรุษ = วีรบุรุษ
คำสมาสแบบสนธิ เอาคำมาเชื่อมกัน
หลักการ คือ
1. สระสนธิ เอาสระกับสระมาเจอกัน
อะอา + อะอา = อา เช่น
สุข + อภิบาล = สุขาภิบาล
อะอา + อิอี = อิ อี เอ เช่น นร + อิศวร = นเรศวร
อะอา + อุอู = อุ อู โอ เช่น นย + อุบาย = นโยบาย
อะอา + เอไอโอเอา = เอไอโอเอา เช่น ราช +
ไอศูรย์ = ราโชศูรย์
อิอี + อิ = อิ
เช่น โกสี + อินทร์ =
โกสินทร์
อุอู + อุอู = อุอู
เช่น ครู + อุปกรณ์ = ครุปกรณ์
2. พยัญชนะสนธิ หลักการ คือ เปลี่ยน ส. เป็น โ หรือ ลบ ส ทิ้ง เช่น
ทุรสฺ + ชน = ทุรชน
มนสฺ + ภาพ = มโนภาพ
3. นฤคหิตสนธิ คือ สํ + สระ, พยัญชนะ, เศษวรรค
สํ เจอ สระ ให้เปลี่ยนเป็น สม เช่น
สํ + อาคม = สมาคม
สํ + อาส = สมาส
สํ เจอ พยัญชนะวรรค ให้เปลี่ยนเป็นตัวสุดท้ายของวรรณนั้น
ก ข ค ฆ ง สํ + คม = สังคม
จ ฉ ช ฌ ญ สํ + จร = สัญจร
ฏ ฐ ฑ ฒ ณ สํ +
ฐาน = สัญฐาน
ต ถ ท ธ น สํ + ธาน = สันธาน
ป ผ พ ภ ม สํ + ผัส = สัมผัส
สํ เจอ เศษวรรค ให้เปลี่ยนเป็น สัง เช่น
สํ + โยค = สังโยค
สํ + หรณ์ = สังหรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น